อยากให้คุณเจง คุยถึงประสบการณ์ที่เป็นผู้ที่ต้องดูแลคนเป็นภูมิแพ้คือ คุณปีเตอร์
จากความห่วงใยของภรรยาต่อปัญหาเรื่องภูมิแพ้ของสามี กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ
พิพเพอร์ สแตนดาร์ด ที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว แต่กว่าจะเป็นแบรนด์พิพเพอร์ สแตนดาร์ด ในวันนี้ คุณเจง ศิริลักษณ์ ณรงค์ตะณุพล กรรมการผู้จัดการบริษัท อิเควเตอร์ เพียวเนเจอร์ จำกัด ได้ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มากมาย เริ่มต้นจากการดูแลคนใกล้ตัวที่เป็นภูมิแพ้ ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และสร้างแบรนด์พิพเพอร์ สแตนดาร์ด เพื่อส่งต่อผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติให้กับผู้ที่รักสุขภาพและเพื่อทุกคนในครอบครัว
ยินดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า ตัวเองไม่ได้เป็นภูมิแพ้นะคะ ย้อนไปตั้งแต่แต่งงานกับคุณปีเตอร์เมื่อปี 2009 ก็คิดว่า ภูมิแพ้ก็คงเป็นอาการคันๆแล้วก็หาย แต่จากประสบการณ์ที่อยู่กับคุณปีเตอร์ มาปีนี้เป็นปีที่ 12 แล้ว จึงทำให้ตัวเองเข้าใจโรคภูมิแพ้ได้ลึกซึ้งขึ้น คุณปีเตอร์เป็นทั้งไซนัส และภูมิแพ้ และเป็นคนที่ผิวเซนซิทีฟ (ระคายไว) อีกด้วยค่ะ จากการที่เราไม่เข้าใจ จึงเป็นเหตุให้เราใช้ความรู้สึกของตัวเองในการตัดสิน (ความรู้สึกของคนเป็นภูมิแพ้) ค่ะ
เมื่อปี 2010 เมื่อคุณปีเตอร์บอกว่าคันผิวจากเสื้อผ้า เสื้อผ้าซักไม่สะอาดรึเปล่า และเมื่อเราไม่คัน ทำให้เราคิดว่าคุณปีเตอร์คงจะคิดไปเอง แต่ถึงแม้ว่าจะซักเสื้อผ้าใหม่หลายครั้ง อาการคันของคุณปีเตอร์ ก็ไม่หาย จนเหตุการณ์เริ่มจะต่อเนื่องอยู่เป็นเดือน และเริ่มลามไปถึงระบบทางเดินหายใจ ทำให้เจงเริ่มหันมาสนใจ และใส่ใจอย่างจริงจัง ว่าต้นเหตุการแพ้ของคุณปีเตอร์ คืออะไรค่ะ
การหาสาเหตุการแพ้เป็นเรื่องที่ยากมากค่ะ เพราะในวันวันหนึ่ง เราทั้งทาน และสัมผัสกับสิ่งของมากมาย ทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน ในครอบครัวของเรา หาสาเหตุการแพ้โดยการเริ่มกลับไปที่จุดตั้งต้น คือจดหมดทุกอย่าง จดว่า(คุณปีเตอร์)กินไข่กินได้ กินกาแฟกินได้ นมกินได้ (คือไม่มีอาการแพ้) จนท้ายสุดไปพบว่าเป็นน้ำยาปรับผ้านุ่ม
สิ่งที่เกิดในบ้านของเราคือ แม่บ้านเอาน้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่เราสั่งให้ใช้แต่เสื้อผ้าของเรา ไปใช้ในเสื้อผ้าของคุณปีเตอร์ด้วย คือคุณปีเตอร์เคยบอกว่า เค้าแพ้น้ำยาปรับผ้านุ่ม เราก็เลยให้แม่บ้านใช้แต่กับเสื้อผ้าของเรา เพราะเราถูกโฆษณาทางการตลาดบอกว่าต้องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม เพื่อให้ผ้านุ่ม แต่อย่างที่บอกในตอนต้นค่ะว่า เราคิดว่าภูมิแพ้เป็นเรื่องเล็กด้วยจึงทำให้มองข้ามไป จริงๆถ้าเจงรู้จักโรคภูมิแพ้ในปี 2010 เท่ากับที่รู้ในตอนนี้ คงจะให้แม่บ้านไม่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในบ้านตั้งแต่ตอนคุณปีเตอร์บอกแล้วค่ะ
การดูแลคนที่เป็นภูมิแพ้ต้องดูแลอย่างไรบ้างคะ
กฎข้อแรกของคนเป็นภูมิแพ้คือ ต้องเอาสารก่อภูมิแพ้ออกจากตัวให้ไวที่สุด เราพยายามซักออกก่อน เพราะเสียดายเสื้อผ้า (หัวเราะ) โดย google หาวิธีซัก ซึ่งมีการแนะนำให้เอาบอแรกซ์กับน้ำส้มสายชูมาซัก ก็ไปตามหาบอแรกซ์ พยายามซักผ้าอยู่หลายรอบ แต่ท้ายสุดก็ถอดใจค่ะ เพราะคุณปีเตอร์แพ้มาก จำใจทิ้งเสื้อผ้ากันคนละตู้ค่ะ นอกจากเสื้อผ้าตัวเองกับของคุณปีเตอร์แล้ว เราซักผ้าทั้งบ้าน รวมทั้งผ้าปูที่นอน หมอน และทุกๆ สิ่งที่เป็นผ้า ทำให้ตระหนักได้ว่าผ้าในบ้านนี้เยอะจริงๆ ที่เรียนรู้จากคุณปีเตอร์อีกอย่างคือ เสื้อผ้าที่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ถ้าไปวางทับสัมผัสกับผ้าที่ไม่ได้ใช้(น้ำยาปรับผ้านุ่ม) ก็จะเปื้อนกันได้ค่ะ
ตอนนั้นคุณปีเตอร์แพ้มาก หมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน จากที่ไม่เคยระคายเคือง ก็มีอาการเห่อหรือ แฟลล์ (flare) ขึ้นมา ตอนนั้นก็จึงต้องเปลี่ยนผ้าปู ปลอกผ้านวม ปลอกหมอนไปหลายชิ้น เพื่อลดอาการคันระคายเคือง จำได้ว่าคุณปีเตอร์เลือกใช้ผ้าปูที่นอน ผ้าห่มที่มีส่วนผสมของใยธรรมชาติและทอถี่ๆ เพื่อลดการระคายผิว นอกจากนั้น เจงยังโทรไปหาแบรนด์น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้(ตอนนั้น)ด้วยนะคะ เพื่อขอส่วนผสมเพราะเราอยากรู้ว่าคุณปีเตอร์แพ้อะไรในน้ำยาปรับผ้านุ่มค่ะ
เป็นประสบการณ์ที่ต้องใช้ความเข้าใจและน่าเรียนรู้มากค่ะ ตอนนี้ คุณเจงดูแลบ้านและคุณปีเตอร์ต่างจากตอนแรกอย่างไร
หลังเกิดเหตุการณ์ภูมิแพ้เมื่อปี 2010 ทำให้เจงเป็นคนละเอียดกับการซื้อของเข้าบ้านค่ะ ก่อนซื้ออะไรเข้าบ้าน ทุกครั้งจะอ่านฉลากส่วนผสมและพยายามเข้าใจส่วนผสม และพยายามใช้ของจากธรรมชาติให้มากที่สุด รวมทั้งเลือกใช้ของใช้ ของทำความสะอาดที่ไม่ใส่น้ำหอม ตัวเองเข้าร้านทำผม ก็จะขอให้ช่างไม่ใส่อะไรเลย (คือไม่เอามูส สเปรย์ เจล ซีรั่มบำรุง)ค่ะ เหตุที่ไม่ใช้น้ำหอม ของหอม ก็เพราะน้ำหอมเป็น 1 ใน 5 สารก่อภูมิแพ้ที่พบง่ายที่สุดค่ะ ถึงตัวเราจะไม่แพ้ แต่คนรอบข้างของเราเค้าอยู่ใกล้แล้วมีปัญหาน่ะค่ะ นอกจากนี้ก็พยายามดูแลบ้าน ให้สะอาด ไม่มีการหมักหมมของฝุ่น ข้าวของเครื่องใช้ ถ้าไม่ได้ใช้ ก็จะพยายามเคลียร์ออก เพื่อให้การทำความสะอาดบ้านทำได้ง่ายค่ะ
ขอขอบคุณคุณเจง ที่มาแชร์ประสบการณ์ภูมิแพ้ในวันนี้นะคะ
ยินดีค่ะ อยากเพิ่มเติมนิดนึงค่ะว่า อาการภูมิแพ้สามารถป้องกันได้ค่ะ ถ้าเราสังเกตและใส่ใจให้คนที่เรารักอยู่ห่างจากสารกระตุ้นภูมิแพ้ ที่สำคัญคือ เราไม่ควรเอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง เมื่ออยู่กับคนที่เป็นภูมิแพ้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ คุณเจง ยังมีเรื่องราวดีๆ อีกมากมายจากประสบการณ์ของคุณเจง อย่าลืมติดตามได้ในบทความต่อไปนะคะ
รู้จักผลิตภัณฑ์พิพเพอร์ สแตนดาร์ด เพิ่มเติมได้ที่ http://www.pipperstandard.com